00:28

จังหวัดหนองคาย

วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว


http://www.rd1677.com/wb/photo/1154925861_30501154925861_3050.jpg
หลวงพ่อพระใส

ข้อมูลทั่วไป :

หนองคาย เมืองชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นประตูสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเชื่อมระหว่างสองประเทศจังหวัดหนองคายอยู่ห่าง จากกรุงเทพฯ 615 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 7,332 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงมากที่สุดเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมและประมงน้ำจืด ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ สามารถเดินทางข้ามไปเที่ยวยังฝั่งลาวได้โดยสะดวก มีวัดวาอารามและวัฒนธรรมวิถีชีวิตชาวบ้านที่น่าสนใจ โรงแรมที่พักที่สะดวกสบาย หลากหลายไปด้วยอาหารและสินค้าของฝาก ล้วนเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาเยือนเมืองริมโขงแห่งนี้

ภูมิอากาศ

เนื่องจากจังหวัดหนองคาย มีภูมิประเทศ ติดกับแม่น้ำโขง ทำให้มีฝนตกชุกในฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคม ในฤดูหนาว ราวเดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์จะมีอากาศหนาวเย็น เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นที่สูง อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 11 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเมษายน อากาศจะร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 35 องศาเซลเซียส

หนองคาย เมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก

นิตยสาร Modern Maturity ของสหรัฐอเมริกา จัดให้หนองคายเป็นเมืองน่าอยู่ลำดับที่ 7 ของโลก สำหรับคนวัยเกษียณชาวอเมริกัน จากการสำรวจ 40 เมืองทั่วโลก โดยอาศัยตัวชี้วัด 12 ตัว คือ ภูมิอากาศ ค่าครองชีพ วัฒนธรรม ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค การคมนาคม บริการทางการแพทย์ สภาพแวดล้อม กิจกรรมนันทนาการ ความปลอดภัย ความมั่นคงทางการเมือง และการเข้าถึงเทคโนโลยี

ประวัติเมืองหนองคาย

ประวัติศาสตร์ของเมืองหนองคายเริ่มต้นเมื่อกว่า 200 ปีเศษ พื้นที่บริเวณริมฝั่งโขงนี้เดิมเคยเป็นที่ตั้งของเมืองเล็ก ๆ 4 เมือง คือ เมืองพรานพร้าว เมืองเวียงคุก เมืองปะโค เมืองไผ่ (บ้านบึงค่าย) ปัจจุบันยังพบซากโบราณสถานอยู่ตามวัดต่าง ๆ ริมแม่น้ำโขงบนเส้นทางท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ได้ตั้งตนเป็นกบฎ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาราชเทวี ยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ โดยมีท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) เจ้าเมืองยโสธร และพระยาเชียงสา เป็นกำลังสำคัญในการช่วยทำศึกจนได้รับชัยชนะ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯให้ท้าวสุวอขึ้นเป็นเจ้า เมือง โดยจัดตั้งเมืองใหญ่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขงคอยควบคุมพื้นที่และเลือกสร้าง เมืองที่บ้านไผ่ แล้วตั้งชื่อเมืองว่า หนองคาย ตามชื่อหนองน้ำใหญ่ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดกับแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่าง ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทิศใต้ ติดกับจังหวัดอุดรธานี, สกลนคร ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดนครพนม ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดเลย

การเดินทาง

ทางรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านสระบุรี แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย รวมระยะทาง 615 กิโลเมตร

ทางรถไฟ

การรถไฟแห่งประเทศไทย มีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ-หนองคาย ทุกวัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร. 1690, 0 2223 7010,0 2223 7020 www.railway.co.th สถานีรถไฟหนองคาย โทร. 0 4241 1592

ทางรถโดยสารประจำทาง

บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถโดยสารธรรมดาและรถปรับอากาศไปหนองคาย ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 (จตุจักร) โทร. 0 2936 2852-66 นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเอกชนหลายแห่งที่บริการเดินรถไปจังหวัดหนองคาย เช่น 407 พัฒนา โทร. 0 2992 3475-8 , 0 4241 1261 ชาญทัวร์ จำกัด โทร. 0 2618 7418, 0 4241 2195 บารมีทัวร์ โทร. 0 2537 8249, 0 4246 0345 เชิดชัยทัวร์ โทร. 0 2936 0253 , 0 4246 1067 www.transport.co.th

ทางเครื่องบิน

นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน สามารถไปได้โดยลงที่สนามบินจังหวัดอุดรธานี จากนั้นต่อรถเข้าจังหวัดหนองคายอีก 51 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตารางการบินได้ที่ บมจ.การบินไทย โทร. 1566,0 2628 2000 , 0 2356 1111 www.thaiairways.com หรือ สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย โทร. 0 2515 9999 www.airasia.com

การคมนาคมภายในตัวจังหวัด จ.หนองคาย

นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถเช่าของบริษัทนำเที่ยวซึ่งมีมากมายในตัว เมือง หรืออาจใช้บริการรถสามล้อเครื่องที่เรียกกันว่า สกายแล็ป ไปยังจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในตัวเมืองและใกล้เคียง เช่น ตลาดท่าเสด็จ วัดโพธิ์ชัย ศาลาแก้วกู่ และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากสถานีขนส่งหนองคายมีรถโดยสารสายหนองคาย-เลย วิ่งผ่านอำเภอท่าบ่อ ศรีเชียงใหม่ สังคม และอำเภอเชียงคานของจังหวัดเลย ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบแม่น้ำโขง ในอำเภอเหล่านี้จะมีที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์สำหรับบริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารวิ่งระหว่างหนองคาย-นครพนม ด้วย

การเดินทางจากอำเภอเมืองหนองคายไปยังอำเภอต่าง ๆ

อำเภอ -กิโลเมตร
อำเภอสระใคร 26 กิโลเมตร
อำเภอท่าบ่อ 42 กิโลเมตร
อำเภอบุ่งคล้า 181 กิโลเมตร
อำเภอโพนพิสัย 45 กิโลเมตร
อำเภอศรีเชียงใหม่ 57 กิโลเมตร
อำเภอรัตนวาปี 71 กิโลเมตร
อำเภอเฝ้าไร่ 71 กิโลเมตร
อำเภอโพธิ์ตาก 77 กิโลเมตร
อำเภอปากคาด 90 กิโลเมตร
อำเภอสังคม 95 กิโลเมตร
อำเภอโซ่พิสัย 90 กิโลเมตร
อำเภอบึงกาฬ 136 กิโลเมตร
อำเภอศรีวิไล 163 กิโลเมตร
อำเภอพรเจริญ 182 กิโลเมตร
อำเภอเซกา 228 กิโลเมตร
อำเภอบึงโขงหลง 238 กิโลเมตร

การเดินทางจากหนองคายไปยังจังหวัดใกล้เคียง

นอกจากรถโดยสารสายหนองคาย-กรุงเทพฯแล้ว จากสถานีขนส่งหนองคายยังมีบริการรถโดยสารสายหนองคาย-ระยอง (มีทั้งรถปรับอากาศและธรรมดา) รถธรรมดาสายหนองคาย-เลย และหนองคาย-อุดรธานี ติดต่อสถานีขนส่งหนองคายโทร. 0 4241 1612

ส่วนรถไฟมีรถออกจากสถานีหนองคายไปยังอุดรธานี ขอนแก่น และกรุงเทพฯ วันละประมาณ 3 เที่ยว ติดต่อสถานีรถไฟหนองคาย โทร. 0 4241 1592

ระยะทางจากหนองคายไปจังหวัดใกล้เคียงมีดังนี้

อุดรธานี 51 กิโลเมตร
เลย 202 กิโลเมตร
สกลนคร 210 กิโลเมตร
นครพนม 303 กิโลเมตร


ที่เที่ยว

อ.เมือง

อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ เป็นอนุสาวรีย์แห่งเดียว ในจังหวัด หนองคาย เป็นอนุสาวรีย์ เทิดทูนความดี ของผู้ล่วงลับไปแล้ว ในการปราบฮ่อ ในปี ร.ศ. 105 (พ.ศ. 2429) เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม รับสั่งให้ สร้างอนุสาวรีย์ ไว้ที่เมืองหนองคาย เพื่อบรรจุอัฐิ ของผู้ที่เสียชีวิต ในการปราบฮ่อ เดิมตั้งอยู่ที่ หลังสถานีตำรวจภูธร จังหวัดหนองคาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ทางจังหวัดหนองคาย ได้รับงบประมาณ ให้เสริมสร้างอนุสาวรีย์ ปราบฮ่อ ให้สง่างาม สมกับเป็นอนุสาวรีย์ ของผู้ที่ได้เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมือง ให้เป็นศรีสง่า แก่เมืองหนองคาย สืบไป จึงย้ายมาสร้างใหม่ ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด มีคำจารึก ที่อนุสาวรีย์ทั้ง 4 ทิศ ทั้งภาษาไทย จีน ลาว และอังกฤษ ทางจังหวัด ได้กำหนดให้มี การจัดงานบวงสรวง และฉลองอนุสาวรีย์ เป็นประจำทุกวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี

หลวงพ่อพระใส
เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณะงดงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากองค์พระเบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ชาวเมือง หนองคาย นับถือมาก มีประวัติ ความเป็นมา เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของชาติไทย หลายตอน เสด็จในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐาน ไว้ในหนังสือ ประวัติพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งพิมพ์แจก ในงานทอดกฐิน พระราชทาน พ.ศ. 2468 ว่า หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปหล่อ ในประเทศล้านช้าง และตามตำนาน ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระธิดา 3 องค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้าง เป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่า เป็นพระราชธิดา ของพระไชยเชษฐาธิราช ได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูป ตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ

พ.ศ. 2321 พระเจ้าธรรมเทววงศ์ได้อัญเชิญไปไว้ ณ เวียงจันทน์ และในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญมาฝั่งไทย แต่เกิดพายุ พระสุกจมน้ำอยู่ที่ปากงึ่ม (เวินพระสุก) ส่วนพระเสริมและพระใส ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัยและวัดหอกล่อง ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้อัญเชิญพระเสริมลงมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน 7 ชาวเมืองหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ

การเดินทางจากตัวเมืองหนองคาย ใช้เส้นทาง 212 (ไปทางอ.โพนพิสัย) อยู่บริเวณหลัก ก.ม.ที่ 2

พระธาตุบังพวน
ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู ตำบลพระธาตุบังพวน ห่างจากอำเภอเมืองหนองคาย ประมาณ 21 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2 (หนองคาย-อุดรธานี) ประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 211 (หนองคาย-ท่าบ่อ) ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 10 วัดจะอยู่ด้านขวามือริมทาง

เดิมพระธาตุบังพวนเป็นเจดีย์เก่าแก่ เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านาน ตัวองค์พระธาตุเดิมเป็นเจดีย์สร้างด้วยอิฐเผา มีรูปทรงแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ลักษณะเจดีย์เป็นรูปสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ เจดีย์องค์ปัจจุบันบูรณะขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากรในระหว่างปี พ.ศ. 2519-2521 หลังจากที่องค์เดิมได้พังทลายลงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2513 เนื่องจากฐานทรุด พระธาตุองค์ปัจจุบันมีฐานทักษิณ 5 ชั้น กว้าง 17.20 เมตร สูงถึงยอดฉัตร 34.25 เมตร รูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆังชั้นที่ 6 เป็นรูประฆังคว่ำ ชั้นที่ 7 เป็นรูปดาวปลี และเหนือชั้นไปเป็นที่ตั้งฉัตรและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีสถานที่สำคัญคือ

- พิพิธภัณฑ์พระธาตุบังพวน ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ อยู่ใกล้กับองค์พระธาตุ ซึ่งภายในจะเก็บซากเศษหิน ใบเสมา ศิลาจารึก ตลอดจนโบราณวัตถุของพระธาตุองค์เก่า รวมทั้งประวัติขององค์พระธาตุ

- สระพญานาค อยู่ในบริเวณใกล้ๆ องค์พระธาตุ ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการแต่งตั้งผู้ใดเป็นเจ้าเมือง ก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อเป็นสิริมงคล ในสมัยต่อมา สระพญานาค ก็ทรุดโทรมลง ตามกาลเวลา จนกระทั่งชาวบ้าน และประชาชน ที่มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาค และทำการบูรณะ สระพญานาค เพื่อใช้น้ำในสระนี้ นำไปประกอบพิธีมงคล ต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทุกปีชาวจังหวัดหนองคายจะจัดงานนมัสการพระธาตุบังพวนขึ้นในเดือนยี่ ขึ้น 11 ค่ำ

ท่าเสด็จ
อยู่ในเขตเทศบาลเมือง เป็นท่าเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งลาว มีด่านตรวจคนเข้าเมืองและร้านค้าจำหน่ายสินค้าจากนานาประเทศที่ส่งผ่านเข้า มาจากฝั่งลาว สินค้าที่จำหน่ายได้แก่ เครื่องไม้ฝังมุก เครื่องไฟฟ้า นาฬิกา อาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริษัททัวร์ที่รับจ้างทำใบผ่านแดนและนำเที่ยวประเทศลาวอีก ด้วย

ชาวไทยจะต้องทำบัตรผ่านแดนที่สำนักงานบัตรผ่านแดน บริเวณศาลากลางจังหวัดหนองคาย โดยมีเอกสารประกอบการทำบัตรผ่านแดน คือสำเนาบัตรประชาชนหน้าหลัง รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติม โทร.(042)411778 โทรสาร (042)412678

ชาวต่างประเทศ จะต้องใช้หนังสือเดินทาง Passport และขอวีซ่าที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย

หาดจอมมณี
ตั้งอยู่ที่บ้านจอมมณี หมู่ที่ 1 ตำบลมีชัย ห่างจากเขตเทศบาลเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำโขง หาดแห่งนี้จะมีความยาวประมาณ 200 เมตร และจะปรากฏให้เห็นตอนน้ำลดในฤดูแล้ง โดยเฉพาะเดือนเมษายน จะมีนักท่องเที่ยวในจังหวัดและจากบริเวณจังหวัดใกล้เคียง เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจำนวนมาก ได้รับการเรียกขานว่าเป็น "พัทยาอีสาน" อีกทั้งทิวทัศน์ในบริเวณหาดทรายยังสามารถมองเห็นบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ได้อย่างชัดเจน

พระธาตุหนองคาย
อยู่ในบ้านวัดธาตุ เขตเทศบาลเมืองหนองคายตามประวัติที่ค้นพบ พบว่าในปีมะเมีย เดือน 9 ขึ้น 9 ค่ำ พ.ศ.2390 ใกล้ค่ำพระธาตุหนองคายได้พังลงแม่น้ำโขง และตลิ่งอันเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุถูกน้ำเซาะพังลงจนมองเห็นองค์พระธาตุ เกือบอยู่กึ่งกลางลำแม่น้ำโขง

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ตั้งอยู่ซอย 1-2 บ้านจอมมณี ตำบลมีชัย เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงไปยังท่านาแล้ง แขวงเวียงจันทน์ของประเทศลาว เป็นสะพานแห่งแรกที่สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ 3 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ลาว และประเทศไทย นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง คาดว่าจะเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ช่วงตัวสะพานมีความยาว 1.20 กิโลเมตร กว้าง 15 เมตร มีช่องสำหรับเดินรถ 2 ช่องทาง ซึ่งตรงช่วงกลางสะพานออกแบบไว้สำหรับสร้างทางรถไฟ

อ.อื่นๆ

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอท่าบ่อ

หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง ตำบลน้ำโมง การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (หนองคาย-อุดรธานี) แล้วเข้าเส้นทางหมายเลข211(หนองคาย-ทาบ่อ) ถึงอำเภอท่าบ่อตรงหลัก ก.ม.ที่ 31 จะเห็นป้ายบอกทางเข้าวัดด้านซ้ายเลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เลยตลาดท่าบ่อไปจะเห็นวัด อันเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าองค์ตื้อ รวมระยะทางห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 43 กิโลเมตร

หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทอง ฝีมือของช่างฝ่ายเหนือและช่างล้านช้าง เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก สร้างด้วยทองนั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3.29 เมตร สูง 4 เมตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเคารพนับถือมาก จากหลักฐานศิลาจารึกได้บ่งไว้ว่า "พระเจ้าองค์ตื้อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2105 ผู้สร้างคือ พระไชยเชษฐา กษัตริย์นครเวียงจันทน์ พร้อมด้วยพระโอรส พระธิดา และบริวาร ช่วยกันหล่อโดยใช้ทองคำ ทองเหลือง และเงินผสมกัน รวมน้ำหนักได้ 1 ตื้อ" (มาตราโบราณของอีสาน) แต่หล่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ต่อมาพระอินทร์และเทพยดา 108 องค์ มาช่วยหล่อจึงสำเร็จ ใช้เวลาในการสร้าง 7 ปี 7 เดือน และทางจังหวัดได้จัดงานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4

หมู่บ้านประมงน้ำจืด
อยู่ที่ตำบลกองนาง อำเภอท่าบ่อ ตามเส้นทางท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านซึ่งชาวบ้านมีอาชีพทำการประมงน้ำจืด มีการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืดชนิดต่างๆ เช่น ปลาตะเพียน ปลาไน ปลานวลจันทร์ ปลายี่สกเทศ ปลาเกล็ดเงิน ปลาหัวโต และปลาดุกเทศ โดยจัดส่งไปจำหน่ายยังกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นที่น่าสนใจในด้านวิถีชีวิตอย่างหนึ่ง

หมู่บ้านทำยาสูบ
อยู่บริเวณเส้นทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอท่าบ่อ เส้นทางหมายเลข 211 มีชาวบ้านทำไร่ยาสูบตามแนวเลียบริมฝั่งโขง มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ความสนใจในวิถีชีวิตอีกอย่างหนึ่ง

หมู่บ้านทำแผ่นกระยอ
อยู่บริเวณเส้นทางจากหนองสองห้องไปอำเภอท่าบ่อ เป็นหมู่บ้านทำแผ่นกระยอ เป็นแผ่นแป้งสำหรับใช้ทำปอเปี๊ยะ มีการส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนและวิถีชีวิตที่น่าสนใจ

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอศรีเชียงใหม่

วัดหินหมากเป้ง
ตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ ตำบลพระพุทธบาท โดยอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ได้ริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ แม่ชี และผู้แสวงบุญทั้งหลาย บริเวณโดยรอบสะอาด เรียบร้อยและเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธ์ มีพื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขง ทัศนียภาพสวยงาม ได้รับการจัดตั้งให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง เมื่อปี พ.ศ. 2523 การเดินทางจากตัวเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 211 (หนองคาย-ศรีเชียงใหม่) วัดหินหมากเป้งจะอยู่ทางขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 64 ริมถนนด้านขวามือ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 75 กิโลเมตร หรืออยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 30 กิโลเมตร

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอสังคม

น้ำตกธารทอง
อยู่ในเขตบ้านผาตั้ง หมู่ที่ 1 ตำบลผาตั้ง การเดินทางใช้เส้นทางหนองคาย-ศรีเชียงใหม่-สังคม (ทางหลวงหมายเลข 211) ผ่านบ้านไทยเจริญ แล้วต่อไปบ้านผาตั้ง น้ำตกธารทองจะอยู่ริมทางด้านขวามือ บริเวณหลักก.ม.ที่ 74 ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ 11 กิโลเมตร รวมระยะทางห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 83 กิโลเมตร

น้ำตกธารทอง เป็นน้ำตกซึ่งตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร เป็นระยะลดหลั่นกันไป ตอนล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่และลานหินน้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขง ในแอ่งน้ำสามารถลงไปเล่นน้ำและอาบน้ำได้ ช่วงเวลาที่มีน้ำได้แก่ช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม

น้ำตกธารทิพย์
หรือน้ำตกตาดเสริม อยู่หมู่ที่ 1 บ้านตาดเสริม ตำบลบ้านม่วง การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับทางไปน้ำตกธารทอง ตามทางหลวงหมายเลข 211 บริเวณกิโลเมตรที่ 97-98 เลี้ยวซ้ายเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 2 กิโลเมตร มีป้ายบอกที่ปากทาง ต้องเดินเท้าอีกประมาณ 100 เมตร รวมระยะทางห่างจากตัวอำเภอประมาณ 9 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองประมาณ 111 กิโลเมตร

น้ำตกธารทิพย์ เป็นน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผา 3 ชั้น ชั้นที่ 1 สูงประมาณ 30 เมตร ชั้นที่ 2 สูงประมาณ 100 เมตร ต้องปีนขึ้นไปตามเส้นทางที่ทำไว้ ชั้นที่ 3 สูงประมาณ 70 เมตร มีน้ำไหลอยู่ตลออดปี และจะมีน้ำมากในฤดูฝน นับเป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวแวะชมความงามอยู่เสมอ

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอปากคาด

วัดสว่างอารมณ์ (วัดถ้ำศรีชน)
ตั้งอยู่ที่เขตสุขาภิบาลปากคาด ตำบลปากคาด ห่างจากตัวอำเภอปากคาด 500 เมตร จากอำเภอเมืองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 212 ไป 90 กิโลเมตร ถึงบ้านปากคาด วัดสว่างอารมณ์ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา ภายในบริเวณวัดมีโขดหิน หน้าผา ลานหิน มีต้นไม้ปกคลุมโดยทั่วไปเป็นที่ร่มรื่น มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านพระอุโบสถทรงระฆังคว่ำ ตั้งอยู่บนเนินสูงภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากขึ้นไปสู่บริเวณอันเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถแล้วจะสามารถมองเห็น ทิวทัศน์รอบด้านทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งลาวสวยงามยิ่งนัก

สถานที่น่าสนใจ ในเขตกิ่งอำเภอศรีวิไล

ภูทอก
ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวนกุลเชษโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ

การขึ้นภูทอกนั้นเริ่มก่อสร้างบันไดไม้สำหรับไต่ขึ้น ไปในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม บันไดทั้ง 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้

ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือเป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านซอกหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4

ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่า "ดงชมพู" ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา เขตอำเภอเซกา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบ มีแม่น้ำลำธารหลายสายไหลผ่าน มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกามาอาศัยอยู่มาก จึงเรียกกันว่า ภูรังกา แล้วเพี้ยนมาเป็นภูลังกาในที่สุด บนชั้นที่ 4 นี้ จะเป็นที่พักของแม่ชี รอบชั้นมีระยะทางประมาณ 400 เมตร มีที่พักผ่อนระหว่างทางเป็นระยะๆ

ชั้นที่ 5 หรือชั้นกลาง มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ และเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนไว้ด้วย ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ ตลอดเส้นทางสู่ชั้นที่ 6 มีที่พักเป็นลานกว้างอยู่ราว 20 แห่ง มีหน้าผาชื่อต่างๆ กัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต ฯลฯ ถ้ามาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พระวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขามีความยาว 400 เมตร สุดทางที่ชั้น 7 อันเป็นป่าไม้ร่มครึ้มสวยงาม

การเดินทางสู่ภูทอก จากตัวเมืองหนองคาย ใช้เส้นทาง 212 ผ่านอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร จากหน้าที่ทำการอำเภอต้องเข้ารถเข้าไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ แยกเข้าตรงบ้านศรีวิไล สู่บ้านนาคำแคนและเข้าสู่ภูทอก

สถานที่น่าสนใจ ในเขตกิ่งอำเภอบุ่งคล้า

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว

อุทยานแห่งชาติภูลังกา

ข้อมูลทั่วไป :

อุทยานแห่งชาติภูลังกา ตั้งอยู่ในจังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 31,250 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และอนุรักษ์ไว้ซึ่งสภาพป่าและต้นน้ำ

การเดินทาง :

ระยะทางจากจังหวัดนครพนม ถึงอำเภอบ้านแพง 98 กิโลเมตร และระยะทางจากอำเภอบ้านแพง ถึงสำนักงานอุทยานแห่งชาติภูลังกา 6 กิโลเมตร สภาพถนนเป็นถนนลูกรัง(ชั่วคราว)

สิ่งอำนวยความสะดวก :

ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา มีสถานที่ให้กางเต้นท์ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ที่ต้องการค้างแรม และมีสวัสดิการของอุทยานฯ อื่นๆ อีก สนใจติดต่อได้โดยตรงที่งานบริการบ้านพัก ฝ่านนันทนาการและสื่อความหมาย ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ กรุงเทพมหานคร โทร. 5797223 และ 5795734 หรือโทร. 5614292-4 ต่อ 724 , 725

ลักษณะภูมิประเทศ :

ป่าภูลังกามีสภาพที่เป็นภูเขาโดด ทอดยาวในทิศทางเหนือ - ใต้ มีความสูง 3 ระดับ ภูลังกาเหนือ ภูลังกากลาง ภูลังกาใต้ สูงจากระดับน้ำทะเล 200-563 เมตร มีอาณาเขตติดต่อกับ

ทิศเหนือ จด ห้วยทราบ และห้วยซ่าน ทิศใต้ จด ทางเกวียนระหว่างบ้านโคกพระธาย-บ้านหนองธน ทิศตะวันออก จด ที่ทำกินของราษฎร ทิศตะวันตก จด ที่ทำกินของราษฎร

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า :

สัตว์ที่มีเป็นจำนวนมากในพื้นที่ คือ หมูป่า และสัตว์ที่มีลักษณะเด่นได้แก่ หมูป่า และลิง

จุดเด่นที่น่าสนใจ :

อุทยานแห่งชาติภูลังกามีลักษณะเด่นทางธรรมชาติ เป็นภูเขาโดด มีความสูง 3 ระดับ ทอดยาวขนานไปกับถนนสาย นครพนม-บ้านแพง-หนองคาย มีสายธาร น้ำมาก มีหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งซึ่งเป็นจุดเด่น ได้แก่ ห้วยทราย ห้วยขาม ห้วยซ่าน กองข้าวศรีบุญเนา ด่านไก่ ด่านมะนาว ผางอย ผาวง ผาถ้ำพร้าว ถ้ำเกีย ตาดขาม

โดยฤดูการท่องเที่ยวอุทยานภูลังกา จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว

ข้อมูลทั่วไป :

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว มีเนื้อที่ประมาณ 186.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 116,562 ไร่ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง และกิ่งอำเภอบุ่งคล้า

การเดินทาง :

จากหนองคายตามเส้นทางหลวงสาย 212 ถึงอำเภอบึงกาฬ ระยะทาง 135 กิโลเมตร และจากอำเภอบึงกาฬผ่าน บ.ชัยพร-บ.ภูสวาท-กิ่ง อ.บุ่งคล้า-บ.ดอนจิก-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ระยะทางประมาณ 55 ก.ม.

การเดินทางไปน้ำตกชะแนน
เดินทางจาก บ.บึงกาฬ-บ.ชัยพร ระยะทาง 24 กิโลเมตร จาก บ.ชัยพร-บ.ทุ่งทรายจก 15 กิโลเมตร (เส้นทางสายบ.ชัยพร-อ.เซกา)จากบ.ทุ่งทรายจกแยกซ้ายมือไปน้ำตกชะแนนอีก 7 กิโลเมตรและเดินทางเท้าเข้าไปน้ำตกอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตร

การเดินทางไปน้ำตกเจ็ดสี
เดินทางจากบ.ชัยพร-ทุ่งทรายจก-ดอนเสียด ระยะทาง 22 กิโลเมตร และแยกซ้ายไปน้ำตกเจ็ดสีอีกประมาณ 6 กิโลเมตร

ลักษณะภูมิประเทศ :

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือสุดของภาค เกือบติดพรมแดนประเทศลาว มีอาณาเขต 2 ด้าน ขนานไปกับแม่น้ำโขง อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 150-300 เมตร สภาพดินพื้นล่างส่วนใหญ่เป็นดินทรายและดินลูกรัง ทางด้านน้ำตกชะแนน มีพื้นที่บางส่วนเป็นดินเหนียวปนดินร่วน พื้นหลังภูและสันเขาส่วนใหญ่เป็นพื้นทรายและดินทราย สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า :

จากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่า ยังคงมีสัตว์ชุกชุมอีกหลายชนิด เช่น ช้าง เสือโคร่ง เสือดาว หมี ชะมด ไก่ฟ้า ไก่ป่า ลิง ชะนี และนกนานาชนิด เนื่องจากมีป่าดงดิบในเขตจำกัด ประมาณ 40 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น สัตว์ใหญ่จึงไม่สามารถเพิ่มขยายพันธุ์ได้มาก

จุดเด่นที่น่าสนใจ :

บริเวณหัวภูด้านตะวันออก บนยอดภูเป็นลานหินโล่งกว้างที่ถูกน้ำกัดเซาะ จนมีลวดลายสวยงามมาก มีระดับความสูงประมาณ 330 เมตร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่เป็นป่าได้โดยรอบ เห็นได้ไกลถึงป่าในฝั่งลาว เช่น ภูควาย ภูงู ภูหมาก่าวของลาวได้ชัดเจน

น้ำตกถ้ำฝุ่น
อยู่ในบริเวณท้องที่บ้านภูสวาท ตำบลหนองเดิ่น ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 33 กิโลเมตร และจากจังหวัดประมาณ 169 กิโลเมตร ธรรมชาติโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่งที่มีทิวทัศน์สวยงามหลายแห่งอยู่ทางตอนเหนือ ของภู และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีถ้ำฝุ่นซึ่งเป็นถ้ำธรรมชาติที่ร่มเย็นอีกแห่ง หนึ่ง

น้ำตกภูถ้ำพระ
ตั้งอยู่บริเวณบ้านโนนสมบูรณ์ อยู่ห่างจากอำเภอเซกาประมาณ 34 กิโลเมตร และจากตัวจังหวัดประมาณ 258 กิโลเมตร บริเวณน้ำตกจะเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ภูถ้ำพระ ซึ่งเงียบสงบและร่มรื่น เมื่อเดินขึ้นมาบนลานหินด้านหลัง จะพบหุบเขารูปแอ่งกระทะขนาดกว้างกว่า 200 ตารางเมตร มีสายธารน้ำตกไหลมายังก้นอ่างที่เบื้องล่าง บริเวณน้ำตกเป็นผากว้างราว 100 เมตร สามารถลงเล่นได้เฉพาะในฤดูฝน น้ำตกภูถ้ำพระเกิดจากลำธารห้วยบังบาด มีความสูงระหว่างชั้นประมาณ 50 เมตร มีความสวยงามมาก

น้ำตกเจ็ดสี
เดิมเรียกว่า น้ำตกห้วยกะอาม ซึ่งเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูงแล้วเกิดเป็นละอองไอน้ำกระทบกับแสงแดดยามบ่ายทำให้ เกิดสีต่างๆ ขึ้น จึงเรียกน้ำตกเจ็ดสี มีทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านดอนเสียด หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา การเดินทางใช้เส้นทางสาย อำเภอเซกา-บ้านดงบัง ประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัด 264 กิโลเมตร

น้ำตกชะแนน
เดิมชื่อน้ำตกตาดสะแนน ตาดแปลว่า "ที่ซึ่งมีน้ำไหล" สะแนนมีความหมายว่า "สูงสุดยอด" หรือ "เยี่ยมยอด" น้ำตกสะแนนเกิดจากลำห้วยสะแนนไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ 2 ชั้น มีขนาดกว้างประมาณ 100 เมตร ระหว่างชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 ห่างกัน 300 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมาก เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจังหวัดหนองคาย

ทางเดินไปน้ำตกชะแนน จะผ่านขัวหิน (สะพานหิน) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น้ำลอดหายไปใต้สะพานหินที่มีความยาวประมาณ 100 เมตร สะพานหินหรือที่คนอีสานเรียกกันว่า "ขัวหิน" นั้น เมื่อมองจากด้านซ้ายมือจะเห็นยาวเหยียดออกไปจนบรรจบกับแนวป่าละเมาะ ซึ่งพ้นจากนั้นไปก็มีแต่โขดหินเนินหินขนาดมหึมาซ้อนกันเป็นแนวยาว ชั้นล่างจะเป็นบึงใหญ่ ชื่อบึงชะแนน หรือห้วยชะแนน มีเงาไม้ร่มครึ้มตลอดสองฟากฝั่ง เชื่อกันว่าในห้วยชะแนนมีจระเข้อาศัยอยู่เหนือลำห้วยชะแนนขึ้นไปเป็นโตรก ขนาดใหญ่ เมื่อถึงฤดูฝนจะเป็นน้ำตกไหลลงจากลาดหินที่แผ่เป็นแผงกว้าง การเดินทางไปชั้นที่สองของน้ำตกชะแนน จะผ่านแนวลำธารที่พื้นเต็มไปด้วยโขดหินเดินตามลำธารไปทางชายฝั่งด้านซ้ายมือ ทะลุออกที่ลานกว้างริมแอ่งน้ำใหญ่ ตลอดทั้งพื้นเป็นหาดทรายละเอียดราวแป้งดูแปลกไปจากที่อื่นๆ มาก และเหนือแอ่งน้ำขึ้นไปก็เป็นน้ำตกชั้นเตี้ยๆ ตกลงมาสู่แอ่ง เรียกกันว่า น้ำตกบึงจระเข้ และน้ำตกชะแนน ชั้นที่สองนี้เหมาะที่สุดสำหรับการตั้งแคมป์พักแรมบนหาดทรายใกล้ๆ ริมน้ำ

น้ำตกชะแนนนี้ห่างจากตัวอำเภอเซกา 43 กิโลเมตร และจากตัวจังหวัด 267 กิโลเมตร

ถ้ำจันทร์ผา
อยู่ห่างจากสะพานหินนี้ไปราว 500 เมตร มีทางเดินตัดไปตามป่าละเมาะ ถ้ำนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะคนที่มาเที่ยวที่นี่ นอกจากสะพานหินแล้วก็เลยไปน้ำตกชะแนนเลย

น้ำตกสะอาม
เป็นน้ำตกใหญ่และสวยงามอีกแห่งหนึ่งอยู่ด้านตะวันตกของภู ในท้องที่ตำบลโพหมากแข้ง กิ่งอำเภอบึงโขงหลง บริเวณน้ำตกมีแนวสันภูเป็นผาหินกับลานหิน ที่มีลักษณะแปลกตาออกไป เป็นระยะทางยาว 3-5 กิโลเมตร จากลานหินบนสันภูบริเวณน้ำตกสะอาม จะมองเห็นทิวทัศน์ภูวัวทางด้านตะวันตกได้โดยตลอดแนว


หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารท่องเที่ยว ททท. โทร. 0 4242 1326
(อยู่ภายในบริเวณศูนย์ราชการ จ.หนองคาย)
สถานีตำรวจภูธร โทร. 0 4241 1021, 0 4241 1071
โรงพยาบาลหนองคาย โทร. 0 4241 3456-8
โรงพยาบาลหนองคาย-วัฒนา โทร. 0 4246 5201
สถานีขนส่ง บ.ข.ส. โทร. 0 4241 1612
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 4241 2110
สำนักงานจังหวัด โทร. 0 4241 1778
ด่านศุลกากร โทร. 0 4241 1518, 0 4242 1207
กองกำกับการตรวจคนเข้าเมือง โทร. 0 4241 1605
สถานีรถไฟหนองคาย โทร. 0 4241 1637 , 0 4241 1592

0 ความคิดเห็น: